อาร์เซนอล' ในยุคไร้พ่าย กับศึก 'พรีเมียร์ลีก' ปี 2003/04

สิ่งที่เกิดขึ้นกับ "อาร์เซนอล" ในปีนั้นเป็นเหมือนเรื่องมหัศจรรย์ในโลกของฟุตบอล และที่สำคัญยังอยู่ในลีกที่เรียกว่าหินที่สุดในโลกอย่าง "พรีเมียร์ลีก" ความดีความชอบของผลงานทั้งหมด คงยงให้ใครไปไม่ได้ นอกจากชายที่มีชื่อว่า "อาร์แซน แวงเกอร์"

ฤดูกาล 2003–04 เป็นฤดูกาลที่ 109 ในประวัติศาสตร์ของสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2003 และสิ้นสุดในวันที่ 30 มิถุนายน 2004 ประกอบด้วยนัดแข่งขันตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงพฤษภาคม สโมสรฯ สิ้นสุดฤดูกาลในพรีเมียร์ลีกโดยเป็นแชมป์ไร้พ่าย (สถิติชนะ 26 นัด และเสมอ 12 นัด) ส่วนในฟุตบอลชิงถ้วย สโมสรฯ ทำผลงานได้ไม่ดีนัก โดยตกรอบรองชนะเลิศเอฟเอคัพและลีกคัพ โดยพ่ายต่อแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดและมิดเดิลส์เบรอตามลำดับ และในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก แพ้ต่อเชลซี ในรอบก่อนรองชนะเลิศ
ช่วงต้นฤดูกาล อาร์เซนอลซื้อ-ขายนักเตะค่อนข้างน้อย เนื่องจากต้องการเก็บงบประมาณเพื่อโครงการสร้างสนามฟุตบอลแห่งใหม่ นักเตะคนสำคัญที่ย้ายเข้ามา อาทิ ผู้รักษาประตู เย็นส์ เลมัน (ค่าตัว 1.5 ล้านปอนด์) ต่อมามีการซื้อกองหน้า โฆเซ อันโตนิโอ เรเยส ในช่วงซื้อขายฤดูหนาว ส่วนนักเตะเดิมที่มีอยู่ สโมสรฯ สามารถเก็บรักษาไว้ได้ และเจรจาต่อสัญญาฉบับใหม่กับกัปตันทีม ปาทริก วีเยรา และกองกลาง รอแบร์ ปีแร็ส สำเร็จ เนื่องจากสมาชิกนิ่ง จึงมีการมองว่าอาร์เซนอลเป็นตัวเต็งคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก เช่นเดียวกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดและเชลซี ซึ่งเศรษฐีพันล้านชาวรัสเซีย โรมัน อับราโมวิช ซื้อไป

อาร์เซนอลเริ่มต้นฤดูกาลอย่างดี ได้อยู่หัวตารางตั้งแต่สี่นัดแรก แต่นัดที่เสมอกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในเดือนกันยายนสร้างเรื่องไม่ดีระหว่างสองสโมสร ผู้เล่นของอาร์เซนอลบางคนถูกสมาคมฟุตบอลอังกฤษปรับเงินจากเหตุทะเลาะวิวาทหมู่หลังจบการแข่งขัน ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน อาร์เซนอลชนะดีนาโมคียิวด้วยประตูเดียว และต่อมามีผลงานน่าประทับใจด้วยการบุกไปยิง 5 ประตูต่ออินเตอร์มิลานที่ซานซีโร ถือเป็นการเริ่มต้นในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกที่ดี ต่อมาในช่วงปลายปี สโมสรสามารถเก็บชัยได้ถึง 9 นัดติดต่อกัน ทำให้ตำแหน่งจ่าฝูงมั่นคงขึ้น แต่ในสัปดาห์แรกของเดือนเมษายน สโมสรฯ ตกรอบทั้งเอฟเอคัพและแชมเปียนส์ลีก แต่ในปลายเดือนเดียวกัน สโมสรฯ ก็สามารถรับประกันแชมป์พรีเมียร์ลีก หลังจากที่เสมอ 2–2 กับคู่ปรับท้องถิ่นทอตนัมฮอตสเปอร์

มีผู้เล่น 34 คนลงเล่นให้กับสโมสรฯ ในการแข่งขัน 5 รายการ และมีผู้ทำประตู 15 คน โดยผู้ทำประตูสูงสุดเป็นปีที่สามติดต่อกันคือ ตีแยรี อ็องรี ยิงได้ 39 ประตูใน 51 เกม ทั้งยังได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของพีเอฟเอจากคะแนนของเพื่อนร่วมอาชีพและรางวัลนักฟุตบอลแห่งปีของสมาคมผู้สื่อข่าวฟุตบอลจากผู้สื่อข่าวฟุตบอล แม้ว่าอาร์เซนอลจะไม่ประสบความสำเร็จในฟุตบอลชิงถ้วย แต่นักวิจารณ์หลายคนก็ถือว่าความสำเร็จในลีกเป็นความสำเร็จแล้ว ทีมได้รับฉายา "ดิอินวินซิเบิล" เหมือนกับเพรสตันนอร์ทเอนด์เคยทำได้ในสมัยฤดูกาลประเดิมของฟุตบอลลีก และหลังจากจบฤดูกาล สโมสรฯ ได้รับถ้วยรางวัลพรีเมียร์ลีกสีทองเมื่อจบฤดูกาล และทีมยังไม่แพ้ทีมใดเป็นจำนวน 49 นัดเป็นสถิติใหม่ ในปี 2012 ทีมอาร์เซนอลชุดฤดูกาล 2003–04 ชนะรางวัล "ทีมยอดเยี่ยม" จากรางวัลพรีเมียร์ลีก 20 ฤดูกาล

ความคิดเห็น